วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

พลังแห่งความคิดบวก

คิดบวก เป็นการฝึกสมองอย่างนึง เช่นเดียวกับการคิดลบ ก็เป็นการทำให้สมองไม่ทำงานความคิดนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างครับ เช่น รวยจน อาชีพ และสิ่งอื่นๆอีกมากมาย

คุณอาจจะสงสัยว่า "อ่าวถ้าความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ทุกคนก็คงรวยไปหมดแล้วสิ เพราะคิดที่จะรวยง่ายมากๆ" เรื่องนี้มีที่มาครับ ทั้งนี้ผมจะยกตัวอย่างที่ผมเคยประสบมาด้วยตัวเอง

เมื่อ 4-5 ปีก่อน ผมทำงานเป็นพนักงานประจำอยู่บริษัทแห่งหนึ่ง ทุกๆวันผมจะต้องตื่นแต่เช้า ฝ่ารถติดไปทำงาน พักกลางวันก็ลงมาทานข้าว เลิกงานก็ฝ่ารถติดกลับบ้าน ชีวิตผมเป็นอยู่แบบนี้ประมาณครึ่งปีครับ จนกระทั้งผมเบื่อกับการทำงานแบบนี้

จุดเปลี่ยนอยู่ตรงที่ เมื่อเบื่อแล้วจะทำยังไงล่ะถึงจะหายเบื่อ ย้ายที่ทำงาน ? หรือย้ายสายงาน ? หรือออกมาทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ? แล้วถ้าออกมาทำจะทำอะไรดีล่ะ ต้องเป็นสิ่งที่แตกต่าง สิ่งใหม่ๆจะได้ขายได้ ? แล้วถ้ามันขายไม่ได้แล้วเจ้งล่ะ ต้องเป็นหนี้อีก เห็นส่วนใหญ่บอกว่า 80% ของ SME ต้องปิดตัวลงภายใน 4-5 ปีแรกเลยนะ

สุดท้ายผมก็คิดไม่ออกเพราะกลัวเปิดแล้วเจ้ง เลยลองย้ายบริษัทแต่ยังอยู่ในสายงานเดิม สุดท้ายพอผมทำไปได้อีก 3 เดือนผมก็เบื่ออีก

เห็นภาพไหมครับผมคิดว่า "ถ้าขายไม่ได้" นั้นเป็นพลังของความคิดลบและมี "ความกลัวเจ้ง" เป็นตัวพลักดัน เมื่อมีความกลัวเป็นตัวพลักดัน ก็เเหมือนเป็นเชื่อไฟให้ความคิดลบทำงานต่อไปเรื่อยๆ จนสมองคิดหาทางออกไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องกลับมาทำงานแบบเดิมแค่ย้ายบริษัทก็เท่านั้น

แต่ความกลัวสามารถทำให้หายไปได้ด้วย "ความรู้และข้อมูล" ตัวอย่างเช่น หากคุณจะเดินไปที่มืดๆภายในบ้านคนเดียว คุณคงกลัวที่จะชนข้าวชนของเพราะความมืด แต่ถ้าหากคุณเปิดไฟความกลัวจะหายไป เคยสงสัยไหมครับเพราะอะไร นั้นก็เพราะว่าคุณ "รู้" ว่าอะไรมันวางอยู่ตรงไหนเพราะคุณเห็นข้าวของของคุณ ใช่ไหมครับ

ผมเปรียบเทียบความคิดลบนั้นเป็นความมืด ความคิดบวกนั้นก็คงเป็นแสงสว่างนั้นเอง ทุกวันนี้คุณอยู่ในบ้านที่มืด หรือบ้านที่เปิดไฟสว่างทั้งบ้านครับ ? มาต่อกัน

หลังจากที่ผมเกิดอาหารเบื่อครั้งที่สอง ผมจึงเดินเข้าร้านหนังสือ เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมหรือทำการเปิดไฟที่ล่ะดวงในความคิดของผม จนผมได้อ่านหนังสือจบไปจำนวนหลายเล่ม แต่เล่มโปรดของผมมีชื่อว่า The Secret

ครั้งแรกที่ผมซื้อมาอ่านจนจบ ผมคิดว่า "แค่ความคิดเนี้ยนะ จะเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิต ไม่มีทาง คนเขียนบ้าไปแล้วแน่ๆ" แต่ทุกวันนี้ผมเชื่อแล้วครับ ว่าความคิดสามารถเปลี่ยนชีวิตได้จริงๆ

เพราะว่าหลังจากนั้นผมก็คิดตลอดว่าอยากเปิดร้านขายของซักร้านโดยไม่สนใจความกลัวเจ้งหรืออื่นๆ เชื่อไหมครับ 1 เดือนหลังจากนั้นผมก็สามารถเปิดร้านได้จริงๆ และผมยังมีโอกาสได้เข้าไปอบรมหรือสัมนาต่างๆ มีเพื่อนเป็นเจ้าของธุรกิจมากมาย และที่สำคัญมันฟรีหรือถูกมากๆด้วย ทุกวันนี้ชีวิตผมมีแต่เรื่องสนุก ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

ผมถึงแปลกใจและนึกย้อนกลับไปตอนนั้นว่า "น่าจะเชื่อตั้งนานแล้วว่า ความคิดเปลี่ยนชีวิตได้จริงๆ"

สำหรับคนที่อยากทดลอง ผมแนะนำแบบนี้นะครับ 
1. หากระดาษมา 1 แผ่น
2. เขียนสิ่งที่คุณต้องการให้มันเป็นจริงภายใน 6 เดือนที่จะถึงนี้ เช่น อยากได้รถใหม่ อยากได้ทีวีใหม่ อยากได้แฟน(สำหรับคนโสดเท่านั้นนะ) ฯลฯ ตามที่ต้องการครับ วาดรูปหรือ print แปะก็ได้นะครับ เพื่อความชัดเจน
3. นำกระดาษแผ่นนั้น ไปแปะไว้ในห้องนอน ตรงไหนก็ได้ที่คุณตื่นมาแล้วคุณจะต้องเห็นมันทุกเช้า
4. เมื่อคุณเห็นกระดาษใบนี้ คุณต้องอ่านมันอย่างน้อย 1 รอบ และหลับตานึกถึงสิ่งที่คุณอยากได้ในกระดาษแผ่นนั้น นึกจนกว่าคุณจะรู้สึกว่าคุณเป็นเจ้าของมันจริงๆแล้ว มีความสุขที่ได้สัมพัสมันแล้ว จึงลืมตา แล้วกล่าวดังๆว่า "ขอบคุณ" ให้ความสุขเมื่อซักครู่นี้
5. คุณจะต้องรู้ตัวตลอดเวลาว่า "ห้ามคิดลบต่ออะไรก็ตามที่อยู่ในกระดาษแผ่นนั้น" เช่น เป็นไปไม่ได้ หรือ ชั้นก็เขียนๆมันไปเท่านั้น หรือ แค่อยากลองแต่มันไม่เป็นจริงหรอก
6. ทำข้อ 4-5 เป็นประจำทุกวัน แล้วรอดูผลลัพท์ครับ

ทั้งนี้แต่ล่ะคนอาจได้ไม่เท่ากัน เนื่องจากความคิดของคนเราไม่เหมือนกัน จึงต้องค่อยๆปรับ แต่เชื่อผมเถอะครับ มันได้แบบนั้นจริงๆนะ

สำหรับผู้ที่อยากพัฒนาคุณภาพชีวิต คลิกที่นี่


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น