วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เกษียณ อาจไม่ดีอย่างที่คิด

"เกษียณ" คนส่วนใหญ่เมื่อคิดถึงคำคำนี้จะคิดว่าต้องอายุ 60 เท่านั้นถึงจะ "เกษียณ" ได้ แต่ความจริงอันน่าโหดร้ายมันอยู่ที่ อายุ 60 นั้นแหละครับ
คุณเคยสงสัยไหมว่า "ทำไมคนเราต้องเกษียณที่อายุ 60 ปี ?" ถ้าหากเราจะเกษียณที่อายุ 40 ปี เราผิดหรือไม่ คำตอบคือ "ไม่ผิด" ครับ แต่ความจริงอันน่าโหดร้ายอยู่ตรงที่ เมื่อเราอายุ 60 ปี หรือเรียกสั้นๆและตรงๆว่า "แก่" แล้วนั่นแหละ

คุณเคยคิดไหมครับว่าถ้าเกษียณไปแล้วคุณจะไปทำอะไร และที่สำคัญคือคุณทำมันไหวหรือไม่ ตอนอายุ 60 ปีนั้นจะแตกต่างกับอายุ 40 ปี อย่างสิ้นเชิงเลยครับ อยากไปเที่ยวตอนเกษียณ อ้อตอนที่แทบจะไม่มีแรงเที่ยวน่ะหรอครับ 

บางคนทำงานเยอะจนเสียสุขภาพพอเกษียณก็เอาเงินที่หามาทั้งชีวิตไปใช้รักษาตัวเองตอนอายุ 60 ปี ใช่ครับ ความจริงส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ แต่เราก็ยังเกษียณตอนอายุ 60 ปี อยู่ดี เพราะอะไรหรอครับ ก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่อยากแตกต่างจากคนอื่นยังไงล่ะครับ และที่สำคัญเลยคือสังคมทั่วโลกส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้นคือ เกษียณอายุ 60 ปี

เคยได้ยินคำพูดนี้ไหมครับ "อยากทำอะไรก็ทำ อายุยังน้อย เดียวแก่ไปแล้วจะไม่ได้ทำ" จริงๆผมอยากจะเปลี่ยนตอนท้ายให้เป็น "ถึงอยากทำก็ทำไม่ได้" มากกว่า เพราะว่าไม่มีแรงที่จะทำแล้วนั้นเอง จริงๆความโหดรร้ายของการเกษียณที่อายุ 60 นั้นยังมีอีกหลายเรื่อง แต่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็น่ากลัวแล้วใช่ไหมครับ ถ้าคำตอบคือใช่คุณต้องหาทางทำอะไรซักอย่างแล้ว

ระวังหลุมพรางของคนส่วนใหญ่ไว้ให้ดีนะครับ ถ้าอยากเกษียณก่อนอายุ 60 ลองดูว่างานที่คุณกำลังทำอยู่นั้นมันให้คำตอบคุณรึยัง วิธีก้อง่ายๆเลยครับ ให้ดูคนที่ทำงานสายเดียวกับคุณ ขยันเหมือนคุณในอีก 5 - 10 ปี ข้างหน้า ถ้าเขาเป็นแบบไหนคุณก็จะเป็นแบบเขาครับ เพราะว่าคุณทำเหมือนเขา สายงานเดียวกับเขา และถ้าคุณแล้วว่าเขาเป็นแบบไหน และคุณชอบที่จะเป็นแบบเขาหรือไม่ ถ้าไม่ ผมว่าคุณต้องเปิดโอกาส และหาสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำซะแล้วล่ะครับ

คุณทำได้ครับ แค่ไม่เคยทำเท่านั้น และไปฟังคนส่วนใหญ่ที่บอกว่ามันไม่ดี เป็นไปไม่ได้ ลองคิดดูว่าเครื่องบินหนักเป็นตันๆยังบินอยู่บนท้องฟ้าได้เลย แล้วที่คนสมัยก่อนนั้นบอกว่าเป็นไปไม่ได้นั้นอยู่ตรงไหนครับ ? ทุกอย่างเป็นไปได้ครับ จริงไหม!!

สำหรับผู้ที่อยากพัฒนาคุณภาพชีวิต คลิกที่นี่

วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เป้าหมายและสิ่งรอบข้าง

โลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่พยายามแย่งความสนใจของเรา ใจเราจึงพร้อมจะวอกแวกได้ตลอดทั้งวัน
ตื่นมาเจอข่าวในทีวี คนนั้นทำสิ่งนี้ คนนี้ทำสิ่งนั้น ออกจากบ้านเจอแต่โฆษณาล้อมรอบตัว 
ซื้อฉันหน่อยสิ เธอมีหรือยัง? 


อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องปัดจอมือถือเพื่ออ่านไลน์ 
กรุ๊ปมีเป็นสิบ ข้อความไม่ได้อ่านเป็นร้อย
ไหนจะต้องอ่าน fb อ่านเมนต์ของคนนั้นคนนี้ 
โพสต์รูปเที่ยว รูปของกินลง IG
เช็คอีเมลอีกนิด ดูยูทูปอีกหน่อย จะได้ไม่ตกเทรนด์

สักพักโทรศัพท์ก็ดังเป็นเสียงเพลง ต้องรับอีก
โทรมาเรื่องงานบ้าง โทรมาเม้าท์มอยบ้าง
อะไรหนังเรื่องใหม่เข้าแล้ว หนังสือเล่มนั้นก็ยังไม่ได้อ่าน
แล้วคืนนี้ละครเรื่องอะไรนะ ต้องดูซะหน่อย

ครับ! เขียนมาซะยืดยาว
แค่อ่านก็ยังเหนื่อยใจ แล้วชีวิตจริงจะไม่เพลียยังไงไหว?

ถ้าไม่หลอกตัวเอง ก็คงจะเห็นเหมือนกับที่ผมเห็นว่
"คนที่ไม่วางแผนชีวิตนั้น แทบไม่มีวันประสบความสำเร็จได้เลย"
เพราะทุกวันมันจะมีแต่ "เรื่องไม่สำคัญ" มาดึงความสนใจของเรา
และแน่นอน ผมหมายถึงมันดึง "เวลา" เราไปด้วย

จึงไม่แปลกใจว่า
คนส่วนใหญ่จะยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ทั้งที่ตอนนี้เราใช้เวลาของปี 2557 ไปแล้วถึง 37%

"แล้วทำไมถึงไม่เป็นชิ้นเป็นอัน?"
ผมถามต่อและขอตอบให้เลย
"ก็เพราะเราไม่รู้ว่าเป้าหมายของเราในปี 2557 คืออะไร" ไงครับ

"แล้วทำไมเราถึงไม่รู้ว่าเป้าหมายของเราในปี 2557 คืออะไร?"
ผมถามต่อและขอตอบเองอีกที
"ก็เพราะเราไม่รู้ว่าเป้าหมายของชีวิตเราคืออะไร" ไงครับ

"ผมไม่มีเป้าหมายในชีวิตครับพี่ ทำไงดี?"
ผมตอบให้เลย
ก็ต้องออกไปลองทำอะไรใหม่ๆ ไปเจอโลกภายนอก
เสร็จแล้วต้องกลับมานั่งคุยกับตัวเอง มาเจอโลกภายใน
ทำแบบนี้เป็นประจำ แล้วจะเจอคำตอบเองว่า
"เป้าหมายในชีวิตของเราคืออะไร?"

เรื่องเป้าหมายชีวิตเป็นเรื่องที่ต้องค้นหากันทั้งชีวิตครับ
ถ้าเจอคำตอบแล้ว เราจะเหมือนได้ GPS ไว้นำทาง
ใจเราจะวอกแวกน้อยลง
ใครที่ไม่มีเป้าหมาย ก็จะถูกดึงออกนอกเส้นทางบ่อยๆ
เพราะสิ่งยวนใจมันเยอะ

แต่ใครที่มีเป้าหมาย
เมื่อจบวัน เราจะประเมินได้ว่า
วันนี้ทั้งวัน เราได้ทำอะไรที่ทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายหรือยัง?
จากวันจะต่อเป็นเดือน จากเดือนจะต่อเป็นปี
และจากปี จะถักทอเป็นชีวิตของเรา

เมื่อวันสุดท้ายของชีวิตมาถึง
เราจะได้มองย้อนกลับไปแล้วไม่ต้องเสียใจว่า
ที่ผ่านมา เราไม่น่าปล่อยชีวิตลอยไปลอยมาอย่างนี้เลย

ที่สุดวันนึงทุกคนก็ต้องตาย
การได้เกิดมาแล้วอยู่อย่างมีเป้าหมายจึงคุ้มค่ากว่า
หาให้เจอสิครับว่า "เป้าหมายชีวิตของคุณคืออะไร?"

อย่ามัวแต่วอกแวกคิดเรื่องอื่นสิครับ
ผมถามคุณว่า
"เป้าหมายในชีวิตของคุณคืออะไร?"


Credit facebook page : Boy's Thought's

สำหรับผู้ที่อยากพัฒนาคุณภาพชีวิต คลิกที่นี่


วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ปรับจุดโฟกัสของชีวิต

ทุกวันนี้คุณโฟกัสเรื่องอะไรอยู่ เรื่องไม่ดีเรื่องลบๆ หรือว่าสิ่งดีๆเรื่องบวกๆ ไม่ว่าจะเราโฟกัสสิ่งใดสิ่งนั้นจะเข้ามาหาเราเรื่อยๆ และไม่หยุดยั้งจนกว่าเราจะเปลี่ยนจุดโฟกัสของเราไป



สิ่งที่ผมประสบมากับตัวเองเลยคือ มีอยู่ช่วงนึงผมโฟกัสแต่รถเบนซ์ ไม่ว่าผมจะออกไปไหน หรือว่าอยู่ในรถกลางท้องถนน ผมจะเห็นแต่รถเบนซ์เยอะมากๆ จนต้องคิดว่า "เอ๋ มีคนรวยเพิ่มขึ้นหรือมีคนมีตังเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้เลยหรอ"

แต่พอผมเปลี่ยนจุดโฟกัสใหม่เป็นรถธรรมดาๆ เชื่อไหมครับรถเบนซ์ได้หายไปอย่างรวดเร็ว ผมเจอรถเบนซ์น้อยมากเพียงแค่ 1-3 คัน ซึ่งผมเองก็แปลกใจเพราะว่าเมื่อเร็วๆนี้วันๆนึงต้องเจออย่างน้อย 10-20 คัน

ตอนแรกผมเองก็ไม่รู้ตัวว่าผมโฟกัสแบบนี้แต่พอตอนช่วงหลังจากที่ผมตั้งสติและค้นพบกับความมหัศจรรย์นี้ ผมเลยลองโฟกัสไปที่ความคิดแทน ไม่ว่าจะทำงาน ออกไปข้างนอก หรือไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามผมจะโฟกัสแต่สิ่งดีๆ

ถ้าจะถามว่ามีเรื่องไม่ดีเข้ามาไหม คำตอบคือมีครับ แต่ผมไม่เลือกที่จะโฟกัสมัน และไปโฟกัสเรื่องดีๆแทน อย่างเช่น ที่ผ่านมาเร็วๆนี้ได้มีลมพายุพัดแรงมาก จนต้นไม้ในบ้านผมหักลงมา 1 ต้น และรอบๆบ้านก็มีต้นไม้ต้นอื่นๆ ล้มมาพิงกำแพงหรือเอนมาโดนหลังคาบ้าน

ผลลัพท์มีอย่างเดียวคือต้องออกไปทำความสะอาด และเก็บกวาดต้นไม้ที่หัดและล้มเข้ามาในบ้านใช่ไหมครับ แต่ถ้าผมโฟกัสเรื่องลบๆ มันจะออกมาแบบนี้ "วันนี้ซวยจริงๆ พายุเข้า ต้นไม้ก็หักแถมยังต้องมาคอยตัดต้นไม้รอบๆบ้านอีก สวนก็รกเพราะพายุอีก"

แต่ถ้าเราโฟกัสเรื่องดีๆจะได้ "กำลังคิดจะทำความสะอาดสวนพอดี โชคดีจริงๆที่พายุพัดเข้ามา ทำให้รู้ว่าต้นไม้ต้นไหนในสวนอ่อนแอ ต้อนไม้รอบๆบ้านมันก้อขึ้นรกล่ะ ถือโอกาสตัดและทำความสะอาดเลยก็ล่ะกัน"

เห็นไหมครับว่าโฟกัสแบบไหนดีกว่ากัน และคิดแบบไหนมีพลังที่จะทำงานมากกว่ากัน และถ้าผมถามว่าคนส่วนใหญ่คิดแบบไหน ? คำตอบที่ได้คือแบบลบหรือแบบที่ไม่ให้พลังนั้นเอง แต่ถ้าเขารู้และหัดคิด หัดโฟกัสเรื่องดีๆ ให้พลังในการดำเนินชีวิตประจำวัน คุณว่าเขาจะคิดไหมครับ ? คำตอบคือถ้าเขารู้ เขาจะคิดแบบให้พลังแน่นอน แล้วทำไมเขาไม่คิดล่ะ ก็เพราะเขาไม่รู้ หรือเขารู้แต่เขาเคยชินกับความคิดแบบนั้นยังไงล่ะครับ

อย่าพึ่งเชื่อผม จนกว่าคุณจะได้ลองด้วยตัวคุณเอง แล้วพลังแห่งการดำเนินชีวิตจะเข้ามาหาคุณแบบไม่หยุดยั้งเลยครับ

สำหรับผู้ที่อยากพัฒนาคุณภาพชีวิต คลิกที่นี่